fb pixel
Line facebook instagram linkedin

วันอังคาร - อาทิตย์ 10:00 - 19:00
ติดต่อ 064 196 3539

วิตามินบํารุงผมร่วง เสริมความแข็งแรงรากผมอย่างตรงจุด

รวมวิตามินและเกลือแร่ที่ช่วยบํารุงผมร่วง เสริมสารอาหารสำคัญเพื่อรากผมที่แข็งแรง พร้อมแนวทางฟื้นฟูสุขภาพผมเชิงลึกจากภายในสู่ภายนอก

เคยรู้สึกใจหายทุกครั้งที่สางผมแล้วมีเส้นผมหลุดร่วงติดมือมาเป็นกระจุก หรือเวลาตื่นนอนแล้วเห็นเส้นผมร่วงหล่นเต็มหมอนไหม ? ปัญหา “ผมร่วง” เป็นเรื่องน่ากังวลที่บั่นทอนความมั่นใจของใครหลายคน ซึ่งสาเหตุก็มีได้หลากหลาย ตั้งแต่กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน ความเครียด ไปจนถึงปัจจัยภายนอกอย่างการแพ้สารเคมีในแชมพูที่ทำร้ายหนังศีรษะโดยไม่รู้ตัว

ถึงแม้การดูแลจากภายนอกด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่หัวใจหลักของเส้นผมที่แข็งแรงกลับเริ่มต้นจากภายใน นั่นคือ “สารอาหาร” ที่เราบริโภคเข้าไป โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เป็นเหมือนอิฐก้อนแรกในการสร้างเส้นผมให้สุขภาพดีตั้งแต่รากจรดปลาย บทความนี้จึงจะพาไปรู้ว่าผมร่วงกินวิตามินอะไรดี พร้อมเจาะลึกถึงวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นพระเอกตัวจริงในการต่อสู้กับปัญหาผมร่วง เพื่อให้คุณสามารถเสริมอาหารได้อย่างตรงจุดที่สุด

เช็กสัญญาณ ผมร่วงแบบไหนที่อาจเกิดจากการขาดวิตามิน

ก่อนจะไปดูลิสต์ว่าผมร่วงต้องกินวิตามินอะไร เรามาลองสังเกตลักษณะผมร่วงของตัวเองกันก่อน โดยปกติแล้วคนเรามีผมร่วงประมาณ 50-100 เส้นต่อวัน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังฟ้องว่าขาดสารอาหารที่จำเป็นอยู่ก็เป็นได้

  • ผมร่วงทั่วทั้งศีรษะ : ไม่ได้ร่วงเป็นหย่อม ๆ แต่ผมดูบางลงโดยรวม
  • เส้นผมเปราะบาง ขาดง่าย : แค่หวีเบา ๆ หรือใช้มือสางก็ขาดติดมือมาแล้ว
  • ผมแห้งเสีย ไม่มีน้ำหนัก : เส้นผมดูไร้ชีวิตชีวา แห้งกระด้าง และชี้ฟู
  • ผมขึ้นใหม่ช้า : รู้สึกว่าผมยาวช้ากว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด

หากคุณมีอาการเหล่านี้ การเสริมวิตามินแก้ผมร่วงที่จำเป็นอาจเป็นคำตอบแรกที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมของคุณได้

5 วิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ตัวช่วยกู้ผมร่วง บำรุงผมให้แข็งแรง

การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเปรียบเสมือนการเติมปุ๋ยให้ต้นไม้ เพื่อให้รากแข็งแรงและเจริญงอกงาม สำหรับเส้นผมก็เช่นเดียวกัน นี่คือ 5 วิตามินบํารุงผมร่วงที่คุณไม่ควรมองข้าม

1. ไบโอติน (Biotin) หรือ วิตามิน H

ไบโอติน คือวิตามินบํารุงผมร่วงที่สำคัญที่สุด ทำหน้าที่เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการสร้าง “เคราติน” (Keratin) ซึ่งเป็นโปรตีนโครงสร้างหลักของเส้นผม การได้รับไบโอตินอย่างเพียงพอไม่เพียงช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง แต่ยังกระตุ้นให้ผมที่ขึ้นใหม่เจริญเติบโตได้ดีและเร็วขึ้น การขาดไบโอตินจึงส่งผลโดยตรงต่อปัญหาผมอ่อนแอและผมบาง

  • แหล่งอาหาร : พบมากในไข่แดง, ถั่วอัลมอนด์, วอลนัท, เมล็ดธัญพืช, ตับ และปลาแซลมอน

2. สังกะสี (Zinc)

สังกะสี หรือ Zinc เป็นฮีโร่ที่ช่วยควบคุมสมดุลของหนังศีรษะ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม อีกทั้งยังช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไขมันบนหนังศีรษะให้เป็นปกติ ป้องกันปัญหารูขุมขนอุดตัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของผมร่วง การขาดสังกะสีมักมีความเชื่อมโยงกับภาวะผมร่วงระยะพัก (Telogen Effluvium) อย่างมีนัยสำคัญ

  • แหล่งอาหาร: พบได้ในหอยนางรม, เนื้อวัว, เนื้อแกะ, เมล็ดฟักทอง และถั่วเลนทิล

3. ธาตุเหล็ก (Iron)

ลองนึกภาพว่ารากผมของคุณคือโรงงานที่ต้องการออกซิเจนเพื่อสร้างพลังงาน ธาตุเหล็กคือกุญแจสำคัญในการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย รวมถึงเซลล์รากผมด้วย เมื่อร่างกายขาดธาตุเหล็ก รากผมจะได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ทำให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมสั้นลงและหลุดร่วงง่ายขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยมีประจำเดือนที่มีความเสี่ยงขาดธาตุเหล็กได้ง่าย

  • แหล่งอาหาร : เนื้อแดง, เครื่องในสัตว์, ผักโขม, ถั่วต่าง ๆ และเต้าหู้

4. วิตามินซี (Vitamin C)

หลายคนรู้จักวิตามินซีในฐานะตัวช่วยเรื่องผิวพรรณและภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ดี วิตามินซีก็เป็นหนึ่งในวิตามินผมร่วงเช่นกัน โดยมีความสำคัญดังนี้

  1. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ : ช่วยปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะจากความเสียหายของอนุมูลอิสระที่เกิดจากมลภาวะและแสงแดด
  2. ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก : วิตามินซีทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารที่ทานเข้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น การทานธาตุเหล็กเสริมจึงควรทานคู่กับวิตามินซีเสมอ
  • แหล่งอาหาร : ผลไม้รสเปรี้ยว (ส้ม, มะนาว), ฝรั่ง, พริกหยวก, บรอกโคลี และสตรอว์เบอร์รี

5. วิตามินบีรวม (B Vitamins)

วิตามินบีรวมคือกลุ่มวิตามินที่ทำงานร่วมกันเป็นทีมเวิร์กเพื่อบำรุงระบบประสาทและกระบวนการสร้างพลังงานของเซลล์ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพเส้นผมโดยตรง วิตามินบีที่สำคัญได้แก่ 

  • วิตามิน B3 (Niacin) : ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณหนังศีรษะ
  • วิตามิน B5 (Pantothenic Acid) : เพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้เส้นผม
  • วิตามิน B12 : มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งจำเป็นต่อการนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงรากผม

การขาดวิตามินบีรวมอาจส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย และนำไปสู่ปัญหาผมหงอกก่อนวัยและผมหลุดร่วงได้

  • แหล่งอาหาร : ธัญพืชไม่ขัดสี, เนื้อสัตว์, อาหารทะเล, ไข่ และผักใบเขียว

เมื่อวิตามินอย่างเดียวไม่พอ…นวัตกรรมฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ

ในบางกรณี ปัญหาเส้นผมไม่แข็งแรงอาจมีความซับซ้อนเกินกว่าจะแก้ไขได้ด้วยการรับประทานวิตามินบํารุงผมร่วงเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะผมร่วงจากกรรมพันธุ์หรือปัญหาที่สะสมมานาน การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด โดยปัจจุบันมีหลากหลายเทคโนโลยีที่ช่วยฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างตรงจุด

1. PRP (Platelet Rich Plasma)

คือการนำเกล็ดเลือดเข้มข้นของผู้ป่วยเองมาสกัดเอา Growth Factor ที่จำเป็นต่อการงอกใหม่ของเส้นผม แล้วฉีดกลับเข้าไปบริเวณหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นให้เซลล์รากผมที่อ่อนแอกลับมาแข็งแรงและสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ ๆ

2. GFC (Growth Factor Concentrate)

GFC กระตุ้นรากผมเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดมาจาก PRP โดยใช้กระบวนการสกัดที่จำเพาะเจาะจงยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้ Growth Factor ปริมาณสูงและเข้มข้นบริสุทธิ์ แล้วนำมาฉีดเพื่อกระตุ้นรากผมโดยตรง แก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ได้อย่างตรงจุด ถือเป็นอีกทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง

3. Cell Plus Therapy

นวัตกรรมเซลล์บำบัดที่ล้ำไปอีกขั้น โดยการนำเซลล์รากผมที่แข็งแรงสมบูรณ์จากบริเวณท้ายทอยมาสกัดด้วยเครื่องมือพิเศษ แล้วฉีดกลับเข้าไปยังบริเวณที่มีปัญหา เพื่อฟื้นฟูเซลล์รากผมเดิมและกระตุ้นการสร้างผมใหม่

4. เลเซอร์กระตุ้นรากผม (LLLT)

Low-Level Laser Therapy (LLLT) เป็นเทคโนโลยีการใช้เลเซอร์พลังงานต่ำฉายลงบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมในระดับลึก ช่วยฟื้นฟูรากผมให้อ่อนแอกลับมาแข็งแรง และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้เส้นผมเติบโตได้ดีขึ้น 

การดูแลเส้นผมให้แข็งแรงต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้อง ตั้งแต่การเลือกรับประทานอาหารบำรุงเส้นผมที่มีประโยชน์ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพหนังศีรษะ ไปจนถึงการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเมื่อผมร่วงผิดปกติ โดยหากคุณไม่แน่ใจว่าปัญหาผมร่วงผมบางของคุณเกิดจากสาเหตุใด หรือลองรับประทานวิตามิน บํารุงผมร่วงแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น Bangkok Hair Clinic พร้อมให้คำปรึกษาโดยทีมแพทย์ชำนาญการเพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยนวัตกรรมต่าง ๆ หรือการ ปลูกผมถาวรเทคนิค FUE และ DHI Micrograft ที่ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ

อย่าปล่อยให้ปัญหาผมร่วงทำลายความมั่นใจของคุณ จองคิวปรึกษาแพทย์ฟรีได้แล้ววันนี้ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด โทร. 02-118-7386 หรือ 064-196-3539

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ควรกินวิตามินนานแค่ไหนถึงจะเห็นผลเรื่องผมร่วง ?

A: โดยทั่วไปควรรับประทานวิตามินแก้ผมร่วงต่อเนื่องอย่างน้อย 3-4 เดือนจึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เนื่องจากวงจรชีวิตของเส้นผมต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวและงอกใหม่

Q: การกินวิตามินรวม (Multivitamin) แทนการกินแยกชนิดได้หรือไม่ ?

A: สามารถทำได้และเป็นทางเลือกที่สะดวก แต่อาจมีปริมาณของวิตามินบางชนิดที่จำเป็นต่อเส้นผมไม่สูงเท่าการทานแบบแยกเฉพาะเจาะจง หากมีปัญหาผมร่วงรุนแรง การเลือกทานวิตามินที่เน้นบำรุงผมโดยตรงอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

Q: ถ้าหยุดกินวิตามินแล้วผมจะกลับมาร่วงอีกไหม ?

A: หากสาเหตุของผมร่วงเกิดจากการขาดวิตามิน เมื่อหยุดกินและไม่ปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารให้ได้รับสารอาหารเพียงพอ ปัญหาผมร่วงก็สามารถกลับมาได้อีกครั้ง การดูแลสุขภาพและโภชนาการให้ดีอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ

Q: เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผมร่วงเกิดจากการขาดวิตามิน ไม่ใช่จากกรรมพันธุ์ ?

A: ผมร่วงจากกรรมพันธุ์มักมีรูปแบบที่ชัดเจน เช่น เถิกร่นขึ้นไปเป็นรูปตัว M หรือบางกลางศีรษะ ในขณะที่ผมร่วงจากการขาดวิตามินมักจะมีลักษณะผมบางลงโดยรวมทั่วทั้งศีรษะ อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการเข้าพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย

Q: การรับประทานวิตามินมากเกินไปเป็นอันตรายต่อเส้นผมหรือไม่ ?

A: ใช่ วิตามินบางชนิด เช่น วิตามิน A หรือซีลีเนียม หากได้รับในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น (Overdose) อาจส่งผลให้ผมร่วงมากขึ้นได้ ดังนั้นควรรับประทานในปริมาณที่แนะนำ หรือปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ




ปรึกษาแพทย์ฟรี วันนี้

    lineline messagemessage callcall