ปัญหาผมร่วงเกิดจากสาเหตุอะไร?
- ปัญหาผมร่วงสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายประการ ซึ่งบางสาเหตุอาจไม่สามารถดูแลรักษาได้ด้วยวิธีการปลูกผม สาเหตุหลักอย่างหนึ่งของผมร่วงที่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการปลูกผมคือโรคผมร่วงที่เกิดจากกรรมพันธุ์เพศชาย (Androgenetic Alopecia (AGA)) ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิงอายุ 25-65ปี และมีอุบติการณ์สูงถึงร้อยละ 38.5 โดยในคนไทยส่วนใหญ่มักพบอาการแสดงเช่น ผมร่วง หน้าผากกว้าง ผมบางบริเวณกระหม่อมศีรษะ และผมบางบริเวณกลางศีรษะ
- AGA เกิดจากปัจจัยแวดล้อมร่วมกับกรรมพันธุ์ของยีนที่สืบทอดมาจากบิดาและมารดา และบ่อยครั้งมักพบว่าสมาชิกในครอบครัวท่านอื่นๆก็จะพบปัญหาลักษณะคล้ายคลึงกัน ในโรคนี้ระดับค่าฮอร์โมน ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (Dihydrotestosterone (DHT)) จะสูง ซึ่งฮอร์โมนตัวดังกล่าว เป็นฮอร์โมนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและเกี่ยวข้องกับการสูญเสียเส้นผม กลไกของฮอร์โมน DHT จะทำให้เส้นผมที่งอกออกมานั้นมีขนาดเล็กลง และบางลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายหลุดร่วงหายไปในที่สุด (Miniaturisation) บริเวณที่ได้รับผลกระทบจะได้แก่ บริเวณหน้าผาก ขมับทั้งสองข้าง และขวัญศีรษะ (บริเวณกลางศีรษะ) ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแล้ว การร่วงของเส้นผมจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างเรื้อรัง จนทำให้เกิดปัญหาศีรษะล้าน และสูญเสียความมั่นใจ
- นอกจากโรคผมร่วงทางกรรมพันธุ์เพศชาย ยังมีสาเหตุของผมร่วง ผมบาง อีกหลายสิบโรค ซึ่งการวินิจฉัยแยกโรค ตรวจทางห้องปฏิบัติการ และดำเนินการรักษาที่ถูกต้องโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยทีมแพทย์ที่ Bangkok Hair Clinic เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับคนไข้ทุกท่าน
เราดีไซน์แนวผมอย่างไร?
การออกแบบแนวผมเป็นการผสมผสานศาสตร์ของความงามและศิลปะ แพทย์ของเราเชี่ยวชาญในการออกแบบแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยคำนึงถึง อายุ โครงหน้า และความคาดหวังของผู้รับการรักษา ที่ Bangkok Hair Clinic เราพร้อมจะร่วมออกแบบแนวผมในฝันของท่าน เพื่อเรียกคืนความอ่อนเยาว์ เสริมความมั่นใจ และปรับภาพลักษณ์ของท่านให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การออกแบบแนวผมอาจมีข้อจำกัดบางประการ ดังนั้นผู้รับการรักษาจึงควรวางแผนก่อนเข้ารับการรักษา
มีผมร่วงทุกวันเป็นประจำตอนอาบน้ำ สระผม และหวีผม เป็นเรื่องที่ปกติหรือไม่?
ธรรมชาติของคนเราจะมีเส้นผมบนหนังศีรษะโดยเฉลี่ยมากกว่า 100,000 เส้น โดยจะสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นวงจรวัฏจักรตั้งแต่เกิดผมงอกออกมาจนถึงระยะที่เส้นผมหมดอายุขัย ซึ่งในระหว่างวงจรที่กล่าวมานี้ โดยปกติจะมีเส้นที่เข้าสู่ระยะเสื่อมสภาพและหลุดร่วงทุกวัน ประมาณวันละ 100-150 เส้น ในคนปกตินั้นเส้นผมที่สูญเสียไปเหล่านี้ส่วนใหญ่จะงอกกลับมาใหม่ภายในระยะเวลาสามถึงสี่เดือน ซึ่งกระบวนการที่พบนี้ เป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติ และเกิดขึ้นในคนทั่วไป และยังไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงที่น่ากังวล
อย่างไรก็ตามหากคุณตรวจพบว่าความหนาของเส้นผมที่เคยมีบางลงอย่างเห็นได้ชัด หรือพบความผิดปกติของจำนวนเส้นผมที่หลุดร่วงตามที่ต่างๆ ในระยะเวลาหนึ่งวันเกินกว่า 200 เส้นขึ้นไป ควรเข้ามาปรึกษา ขอคำแนะนำและตรวจอาการเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงจากผู้เชี่ยวชาญที่ Bangkok Hair Clinic เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาผมร่วงทวีความรุนแรงจนทำให้คุณเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจและขาดความเชื่อมั่นในการออกไปพบปะกับสังคม
เทคนิคการปลูกผมแบบ FUT กับ FUE ต่างกันอย่างไร?
ทั้งเทคนิค FUT และ FUE คือสองกระบวนการปลูกผมที่เป็นการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณผมถาวรที่ด้านหลังของศีรษะ (Donor Area) มาเพื่อใช้ในการผ่าตัดปลูกผมในบริเวณที่เกิดปัญหา/ต้องการ (Recipient Area)
Follicular Unit Transplantation (FUT) หรือ “Strip Surgery” เป็นกรรมวิธีการปลูกผมที่ถูกคิดค้นและใช้อย่างแพร่หลายมาเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งเป็นการผ่าตัดนำผิวหนังส่วนหนึ่งของหนังศีรษะบริเวณ Donor Area ที่มีเส้นผมและรากที่แข็งแรงอยู่ออกมา และไปทำการแบ่งกอผมเพื่อนำไปปลูกถ่ายลงในบริเวณ Recipient Area ซึ่งจะทำให้เส้นผมที่โตในบริเวณที่กังวลแข็งแรง ไม่อ่อนไหวต่อการหลุดร่วง จึงเป็นวิธีที่ให้ผมลัพธ์ที่เรียกได้ว่าถาวร เนื่องจากมีการผ่าตัดชิ้นผิวหนังออกจากศีรษะ เทคนิค FUT จึงต้องมีการเย็บผิวหนังที่อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นในแนวนอนขนาดเล็กได้ แผลเป็นนี้ สามารถซ่อนด้วยผมที่ยาวออกมาได้
Follicular Unit Excision (FUE) เป็นวิธีการปลูกผมที่พัฒนามาใหม่และได้ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันเพราะได้ผลลัพธ์ดี รวดเร็ว และไม่ต้องมีการผ่าผิวหนัง กระบวนการทำ FUE จะคล้ายกับ FUT แต่เปลี่ยนขั้นตอนการเก็บกราฟเป็นการเจาะนำเซลล์รากผมที่แข็งแรงออกมาทีละเซลล์จากบริเวณ Donor Area จากนั้น ทีมแพทย์จะคัดเซลล์รากผมที่สมบูรณ์ไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ โดยแผลที่เกิดขึ้นจะมีขนาดเล็กเพียง 0.6 – 0.8 มม. หายสนิทในอาทิตย์แรก และไม่จำเป็นต้องเย็บแผล หลังจากการปลูก 3-6 เดือนผมด้านหลังศีรษะจะยาวออกมาปิดคลุมพื้นที่ให้เต็มเหมือนเดิม จึงเป็นขั้นตอนที่ผู้รับการรักษาส่วนมากเลือกใช้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
Bangkok Hair Clinic เชี่ยวชาญในการปลูกผม FUT และ FUE และดูแลผู้รับการรักษาทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์ผู้มีความชำนาญเฉพาะทางมีเสียงยืนยันความพึงพอใจจากผู้เข้ารับการบริการเป็นเครื่องยืนยันในประสิทธิภาพที่ยืนหนึ่งในด้านการปลูกผมถาวร
ปากกาย้ายรากผม (Implanter) และ Direct Hair Implantation (DHI) คืออะไร?
ปากกาย้ายรากผม หรือ Implanter Pens เป็นเครื่องมือพิเศษสำหรับการปลูกผมที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับขั้นตอนการปลูกถ่ายรากผมใหม่ (Implantation) ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการปลูกผมถาวร FUE และ FUT หลังจากนำกราฟเส้นผมออกมาเรียบร้อยแล้ว กราฟจะถูกสอดเข้าไปในปลายปากกาที่ดีไซน์มาเป็นพิเศษ และเคลื่อนย้ายลงปลูกในผิวหนังโดยตรง ซึ่งกระบวนการนี้ บางครั้งได้ถูกเรียกว่าการปลูกผมโดยตรง (DHI)
การทำงานของ Implanter ช่วยเพิ่มอัตราการรอดของเซลล์รากผมได้มากขึ้นกว่า 10-15% เมื่อเทียบกับการปลูกผม FUE มาตรฐาน เพราะเครื่องมือชนิดพิเศษนี้ลดการบอบช้ำของเซลล์รากผม (Mechanical Trauma) ที่เกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนย้าย หนีบ และปลูกโดยคีมหนีบทางการแพทย์ (Forceps) ที่ใช้ในการปลูกผมแบบมาตรฐาน นอกจากนั้น ปากกา Implanter ยังเป็นเครื่องมือมีขนาดที่เล็กและถูกออกแบบมาสำหรับทำหน้าที่ปลูกกราฟรากผมโดยเฉพาะ จึงมีขนาดที่พอเหมาะ ไม่หลวม ไม่แน่นจนเกินไป รากผมที่ปลูกจึงสมบูรณ์ ปลูกได้ถี่แน่นหนา และแลดูเป็นธรรมชาติที่สุด
กรรมวิธีเพิ่มอัตราการรอดของเซลล์รากผม “First out, First in” คืออะไร?
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดในกระบวนการปลูกผมคือระยะเวลาที่ใช้ระหว่างการเคลื่อนย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณหลังศีรษะ (Donor Area) ไปยังพื้นที่ๆต้องการ (Recipient Area) เพราะหากยิ่งลดเวลาในการปล่อยให้เซลล์รากผมอยู่นอกร่างกายลงได้มากเท่าใด อัตราการอยู่รอดของเซลล์รากผมยิ่งมากขึ้นเท่านั้น (Minimal out-of-body time)
ที่ Bangkok Hair Clinic เรามีกรรมวิธีเฉพาะจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและฝึกฝนมาโดยตรง โดยเราพัฒนาภาชนะสำหรับเรียงลำดับกราฟโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า กราฟรากผมที่ถูกนำออกจากหนังศีรษะก่อน จะถูกปลูกกลับลงก่อนเช่นกัน ดังนั้นระยะเวลาที่กราฟเหล่านั้นอยู่นอกร่างกายจึงจะสั้นที่สุด นอกจากนี้ เรายังใช้น้ำยาแช่กราฟชนิดพิเศษที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อให้กราฟอยู่ในสารน้ำที่คล้ายกับการอยู่ในร่างกายที่สุด กราฟเส้นผมจึงยังคงความสมบูรณ์ก่อนนำกลับไปปลูก คุณจึงมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการปลูกผมกับ Bangkok Hair Clinic จะมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าการปลูกผมที่อื่นอย่างแน่นอน
การปลูกผมถาวรเหมาะสำหรับทุกคนไหม ?
โดยทั่วไปแล้วการเข้ารับการผ่าตัดปลูกผมถาวร สามารถทำได้ในคนทั่วไปที่มีสุขภาพโดยรวมดี ในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง แต่ผู้รับการรักษาควรเข้าใจว่าการปลูกผมถาวรไม่ใด้เหมาะสำหรับทุกลักษณะผมบางหรือโรคเส้นผม แพทย์ของเราที่ Bangkok Hair Clinic จึงยินดีให้คำปรึกษา ตรวจสอบหนังศีรษะ วิเคราะห์ และวินิจฉัยปัญหาของคุณอย่างละเอียด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อวางแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง และให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดกับคุณ
โดยคุณสามารถเข้ามารับการปรึกษาฟรี รับการตรวจวินิจฉัยและรับข้อมูลที่จะช่วยทำให้คุณเข้าใจแนวทางการรักษา เพื่อให้คุณมั่นใจก่อนที่จะตัดสินใจปลูกผมกับเรา
ฉันสามารถออกแบบแนวผมของตัวเองได้หรือไม่?
ที่ Bangkok Hair Clinic แพทย์และทีมงานทุกคนตั้งใจมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้ผู้รับการรักษาทุกท่าน ซึ่งศัลยแพทย์ของเรามีประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการออกแบบแนวเส้นผมให้แลดูเป็นธรรมชาติ ตามอายุ เชื้อชาติ และเพศ นอกจากนี้ แพทย์ของเรายังความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของเส้นผมเป็นอย่างดี จึงเข้าใจว่าการปลูกผมนั้นต้องคำนึงถึงหลักความเป็นธรรมชาติและจะต้องจัดวางแนวผมให้ไปในทิศทางเดียวกันกับแนวผมเก่า เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ตามสไตล์ที่พึงพอใจมากที่สุด
เพราะ ที่ Bangkok Hair Clinic เราคือผู้เชี่ยวชาญในการสร้างเส้นผมที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยเลือกวิธีที่ดีและเหมาะสมไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคลที่สุดในการแก้ปัญหาให้กับคุณ
การปลูกผมเจ็บไหม?
หนึ่งในคำถามที่ถูกถามบ่อยมากที่สุด ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ผู้รับการรักษาทุกคนทจะมีความรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความเจ็บปวดหรือระยะเวลาในการพักฟื้นหลังเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งแพทย์และทีมงานของทาง Bangkok Hair Clinic ทุกคนเข้าใจและรับทราบถึงความรู้สึกของท่านดี เราจึงได้คิดค้นเทคนิคการฉีดยาชาที่เบา รวดเร็ว และเจ็บน้อยที่สุดในกระบวนการปลูกผม รวมถึงการทำงานอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความบอบช้ำหรืออาการเจ็บปวดโดยไม่จำเป็นกับคนไข้
เราต้องการให้ผู้รับการรักษาทุกท่านรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ไร้กังวล ตลอดช่วงเวลาก่อนและหลังการปลูก เพราะเราเชื่อว่าการปลูกผมสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้โดยไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด
ผมที่ได้จากการปลูกจะมีความหนาขนาดไหน?
Bangkok Hair Clinic ประเมินและปลูกผมถาวรอยู่ที่ความแน่นหนาระหว่าง 40-50 กราฟต่อตารางเซนติเมตร ตามมาตรฐานไทยและนานาชาติ เราสามารถปลูกได้แน่นหนาเพราะเราใช้เทคนิค Micrograft ในทุกเคส
ระหว่างการปรึกษา แพทย์จะประเมินบริเวณหลังศีรษะของท่านเพื่อคำนวณจำนวนเส้นผมที่สามารถนำไปปลูกได้อย่างปลอดภัย โดยไม่นำเซลล์รากผมออกเยอะเกินจนทำให้บริเวณหลังศีรษะบาง (Over harvesting) ในคนไข้บางท่านที่มีลักษณะผมบางเป็นบริเวณกว้าง หรือเส้นผมบริเวณท้ายทอยบาง (Donor depletion) แพทย์อาจประเมินปลูกผมด้วยความแน่นหนาที่ต่ำลง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุดกับผู้รับการรักษา
แพทย์ของทาง Bangkok Hair Clinic จะสามารถช่วยให้คุณทำความเข้าใจและวางแผนเรื่องความหนาได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด
เส้นผมที่ปลูกไปจะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน?
เส้นผมที่ย้ายมาจากการปลูก จะยังคงเติบโตตลอดไปตามธรรมชาติ ซึ่งจะมีวงจรชีวิตไม่แตกต่างจากเส้นผมโดยธรรมชาติ เนื่องจากเป็นการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณผมถาวร (Permanent Zone) จากด้านหลังและด้านข้างของศีรษะ ซึ่งผมบริเวณดังกล่าวนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (DHT) ซึ่งเป็นสาเหตุของการผมร่วงตามกรรมพันธุ์เพศชายที่ทำให้ผมร่วงได้ ดังนั้น เส้นผมที่ปลูกไปนั้นจะสามารถเติบโตได้ไม่แตกต่างจากตอนที่ผมเส้นนั้นอยู่บริเวณท้ายทอยของศีรษะเลย
เราสามารถใช้เซลล์รากผม จากบุคคลอื่นในการปลูกผมได้หรือไม่?
การปลูกถ่ายผมสามารถทำได้โดยอาศัยเซลล์รากผมของตนเองเท่านั้น เนื่องจากโดยกลไกการต่อต้านของร่างกาย จะมีการปฏิเสธเซลล์รากผมของบุคคลอื่น เฉกเช่นเดียวกับการปลูกถ่ายอวัยวะอื่นๆ เช่น หัวใจหรือไต อย่างไรก็ตาม คุณสามารถที่จะนำเซลล์จากบริเวณที่มีเส้นผมหรือขนจากส่วนอื่นๆ ของร่างกายมาใช้ปลูกผมตามส่วนต่างๆบนร่างกายได้ ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้ทาง Bangkok Hair Clinic สามารถช่วยคุณให้สามารถปลูกผมได้สำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
การปลูกผมก่อให้เกิดแผลเป็นจากการผ่าตัดหรือไม่?
หนึ่งในสิ่งที่สมาคมแพทย์ปลูกผมนานาชาติต้องการแจ้งให้ผู้สนใจเข้ารับการปลูกผมว่า “การปลูกผมไร้แผลเป็นนั้นไม่มีอยู่จริง” ไม่ว่าจะด้วยเทคนิคใดก็ตาม รอยแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัดปลูกผมนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถที่จะซ่อน หรือลดจำนวนได้ ดังนั้นที่ Bangkok Hair Clinic เราใส่ใจและเข้าใจความรู้สึกของผู้รับการรักษาที่ต้องการให้มีแผลเป็นน้อยที่สุด เราจึงพิถีพิถันและใช้เทคนิคที่ฝึกฝนมาอย่างชำนาญเพื่อช่วยคุณอำพรางรอยแผล ให้คุณรู้สึกมั่นใจและไม่ต้องกังวลเรื่องแผลที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ฉันต้องเข้ารับการปลูกผมกี่ครั้ง ใช้เวลานานเท่าไหร่?
จำนวนครั้งของการปลูกผมจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการผมบาง ขนาดพื้นที่ๆกังวล และความแน่นหนาที่จะทำการปลูก ซึ่งจำนวนเหล่านี้ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการผมบางของผู้รักษา และการพิจารณาของแพทย์ โดยปกติแล้วการผ่าตัดปลูกผมในหนึ่งรอบสามารถปลูกถ่ายเซลล์รากผมได้อย่างปลอดภัยอยู่ที่ประมาณ 2,500-3,500 ในแต่ละเคส แพทย์จะประเมินว่าต่อหนึ่งรอบจำนวนเซลล์ที่ย้ายไม่ควรเกินปริมาณใด เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการบางของบริเวณหลังศีรษะ (Donor Area) ซึ่งหากพบว่าผู้ป่วยควรได้รับการปลูกถ่ายเซลล์รากผมเกินกว่าที่บริเวณท้ายทอยของผู้รับการรักษาจะมีพอ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้แบ่งการปลูกออกเป็นสองรอบ แต่ละรอบห่างกันอย่างน้อยหนึ่งปี เพื่อให้หนังศีรษะได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่แลพร้อมสำหรับการปลูกรอบที่สอง
การปลูกผมถาวรครั้งหนึ่งใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเคส
การปลูกผมถาวรมีความเสี่ยงอย่างไร? อาการแทรกซ้อนใดบ้าง?
การปลูกผมเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก โดยเฉพาะเวลาเข้ารับการรักษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเส้นผม อย่างไรก็ตาม ผู้รับการรักษาทุกท่านควรศึกษา ปรึกษา และรับข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้จากการปลูกผมก่อนตัดสินใจรับบริการ
อาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้:
อาการบวมที่หน้าผากและบริเวณใบหน้าเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยภายใน 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด จนถึง 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด อาการนี้เกิดจากการฉีดสารน้ำเกลือเข้าสู่บริเวณที่ทำการเก็บกราฟหรือปลูกกราฟเพื่อให้แพทย์สามารถทำหัตถการได้ ซึ่งสารน้ำจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย และลดอาการบวมจนหายไป ในช่วงสัปดาห์แรก เราจะมีผ้าคาดผมให้ท่านใส่เพื่อไม่ให้สารน้ำไหลลงมาบริเวณตา
การแพ้ยาชา สารน้ำ หรือยาทานอื่นๆ สามารถเกิดขึ้นได้ โดยทางคลินิกจะมีการสอบประวัติการแพ้โดยละเอียดเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนจากการใช้ยา ผู้รับบริการทุกท่านต้องแจ้งประวัติให้ครบถ้วน เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง
อาการชาในบริเวณหลังศีรษะหรือบริเวณที่ปลูกสามารถเกิดขึ้นได้จากช่วง 1 อาทิตย์แรกจนถึง 6 เดือนแรก ซึ่งโดยปกติแล้วอาการจะค่อยๆ บรรเทาและหายไปเองโดยไม่ต้องทำการรักษาใดๆ
เนื่องจากการปลูกผมเป็นหัตถการที่ต้องเจาะผิวหนัง การติดเชื้อ (<1%) เลือดออก สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการปลูกผม ทางคลินิกแนะนำให้ท่านทานยาอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แจ้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการเหล่านี้
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราที่ Bangkok Hair Clinic ได้มีการจัดทำคู่มือคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลตัวเองก่อนและหลังการปลูกผมสำหรับผู้รับบริการทุกท่าน เพื่อให้ท่านสามารถเตรียมตัวและดูแลจนเองหลังจากการปลูกผมได้อย่างมั่นใจ
FUE และ DHI แตกต่างกันอย่างไร?
ความแตกต่างคือการเลือกใช้เครื่องมือในการปักรากผม (กราฟ) บนหนังศรีษะ ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งในการปลูกผมด้วยวิธีการ FUE
สำหรับการปลูกผมด้วยวิธีการ FUE แพทย์สามารเลือกใช้คีมคีบ forcep (มาตรฐานทั่วไปของวิธีการปลูกผม FUE) หรือ implanters? (DHI?) ในกระบวนการปักรากผม ถึงแม้ว่าคีมคีบจะเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมมากสำหรับการปักรากผม แต่ implanters เป็นเครื่องมือที่ได้รับการพัฒนาเพื่อช่วยลดความบอบช้ำของรากผมระหว่างกระบวนการปักรากผม ทั้งนี้มีการศึกษามากมายที่แสดงผลอย่างชัดเจนว่าการใช้เครื่องมือ implanters สามารถเพิ่มอัตราการอยู่รอดของรากผม ลดระยะเวลาการผ่าตัด และทำให้ได้เส้นผมที่ดูหนาแน่นมากกว่า
เส้นผมจะขึ้นเมื่อใดหลังปลูกผม?
ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการปลูกผม คนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นการตกสะเก็ดของหนังศรีษะในบริเวณที่ปลูกผม ซึ่งเป็นกระบวนการรักษาแผลบนผิวหนังตามธรรมชาติของร่างกาย ทั้งนี้สะเก็ดเหล่านี้จะค่อยๆหลุดลอกไปในช่วง 4-14 วันหลังจากการปลูกผม รากผมที่ปลูกไปจะยึดติดแน่นบนหนังศรีษะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังจากการปลูก จากนั้น เส้นผมจะเริ่มผลัดและหลุดร่วงในช่วงสัปดาห์ที่ 4 หลังจากการปลูก และเส้นผมใหม่จะค่อยๆงอกขึ้นตามลำดับในช่วงสัปดาห์ที่ 10-16 และเส้นผมที่ปลูกใหม่แต่ละเส้นนี้จะเจริญเติบโตตามวงจรชีวิตของเส้นผมต่อไปเรื่อยๆ