การปลูกผมเทคนิค DHI Micrograft

ปลูกผม DHI Micrograft แนวทางฟื้นฟูเส้นผมอย่างพิถีพิถันที่ Bangkok Hair Clinic

ที่ Bangkok Hair Clinic การปลูกผมด้วยเทคนิค Shaven Direct Hair Implantation หรือการปลูกผมเทคนิค DHI คือหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งเป็นเทคนิคนี้ได้รับการพัฒนามาจากวิธี FUE (Follicular Unit Extraction) โดยในขั้นตอนการทำจะมีการโกนผมเพื่อเปิดพื้นที่ในการเก็บรากผมให้ได้มากที่สุด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผมในบริเวณกว้าง เนื่องจากสามารถเก็บกราฟต์ได้ในปริมาณมาก และช่วยให้วางกราฟต์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ขั้นตอนการปลูกผม DHI เริ่มต้นจากการเก็บรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังศีรษะ ซึ่งเป็นบริเวณที่รากผมมีความทนทานสูง แล้วนำไปปลูกในบริเวณที่ผมบาง โดยจะใช้เครื่องมือเฉพาะในการฝังรากผม แตกต่างจากวิธี DHI แบบดั้งเดิมที่เปิดแผลและฝังรากผมไปพร้อมกัน เทคนิคของเราจะเปิดแผลล่วงหน้าในบริเวณที่ต้องการปลูก เพื่อกำหนดทิศทาง มุม และความหนาแน่นของเส้นผมอย่างละเอียด ช่วยให้สามารถควบคุมการปลูกได้แม่นยำขึ้น ขณะเดียวกัน ยังช่วยลดการสัมผัสกราฟต์โดยตรงและลดแรงกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับรากผมในระหว่างกระบวนการด้วย

เราเลือกใช้ปากกานำปลูก Lion Implanter นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นปากกานำปลูกที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ผู้ให้บริการปลูกผมในหลายประเทศ ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยควบคุมทิศทางได้อย่างแม่นยำ และสามารถสร้างแนวแผลขนาดเล็กเพียง 0.6-0.8 มิลลิเมตร ทำให้แผลหายเร็ว รอยแผลมีขนาดเล็ก และแนวผมที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ โดยผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ในวันถัดไปหลังปลูกผมเสร็จ

ข้อดีการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI Micrograft ได้แก่

• ควบคุมความแม่นยำและความหนาแน่นของกราฟต์ได้ดียิ่งขึ้น
• ลดการกระทบกระเทือนต่อรากผม และช่วยให้รากผมมีโอกาสงอกใหม่ได้ดีขึ้น
• เพิ่มประสิทธิภาพในการปลูก และลดระยะเวลาที่กราฟต์อยู่นอกร่างกาย
• แยกรากผมได้อย่างเป็นระเบียบระหว่างกระบวนการ
• ส่งผลให้แนวผมที่ได้ดูเรียบร้อยและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ผู้ที่เข้ารับการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI จะได้รับการประเมินเป็นรายบุคคลเพื่อพิจารณาเทคนิคและจำนวนกราฟต์ที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากศักยภาพของบริเวณที่ให้กราฟต์ ขนาดของบริเวณที่รับกราฟต์ ลักษณะเส้นผม และเป้าหมายระยะยาวของผู้ป่วย ซึ่งแผนการผ่าตัดทั้งหมดจะได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล และจะมีการพูดคุยอย่างละเอียดในขั้นตอนการปรึกษาก่อนเริ่มดำเนินการปลูกผม

Micrograft คืออะไร ?

Micrograft คือกระบวนการตกแต่งกราฟต์ เพื่อตัดแต่งเนื้อเยื่อส่วนเกินรอบ ๆ หน่วยรากผมแต่ละชิ้นอย่างละเอียดภายใต้กล้องกำลังขยาย (Stereomicroscope) เพื่อลดลักษณะกราฟต์ที่ดูบวมคล้ายไข่ลูกอ๊อด และปรับให้เป็นกราฟต์ที่มีขนาดเล็กลง โดยจะเหมาะกับกรณีเหล่านี้

• ปลูกได้หนาแน่นขึ้น : สามารถปลูกกราฟต์ได้มากขึ้นในพื้นที่ 1 ตารางเซนติเมตร โดยไม่รบกวนการไหลเวียนของเลือด
• ดูเป็นธรรมชาติ : แนวผมกลมกลืนไปกับหนังศีรษะ ลดโอกาสเกิดรอยนูนหรือผิวไม่เรียบ
• ฟื้นตัวเร็วขึ้น : แผลขนาดเล็ก ช่วยให้หายเร็ว ลดการเกิดสะเก็ดและรอยแผลในระยะพักฟื้น

ขั้นตอนการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI Micrograft

1. ออกแบบและวางแผน : แพทย์จะวาดแนวไรผมใหม่ตามสัดส่วนที่เหมาะกับรูปหน้าของแต่ละบุคคล
2. ฉีดยาชาเฉพาะที่ : ฉีดยาชาพร้อมใช้เทคนิคการสั่นสะเทือนเบา ๆ เพื่อลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างทำ
3. เก็บรากผมด้วยเทคนิค DHI : ใช้หัวเจาะระบบมอเตอร์เพื่อเก็บรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอย
4. ตกแต่งกราฟต์ (Micrografting) : ตัดแต่งเนื้อเยื่อส่วนเกินออก เพื่อให้กราฟต์มีขนาดกะทัดรัดและปลูกได้เรียบเนียนขึ้น
5. สร้างแนวแผล : ทำการกรีดแผลขนาดเล็กตามความลึกและทิศทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
6. ปลูกรากผม : นำกราฟต์บรรจุในปากกาปลูกผม Lion Implanter แล้วฝังลงในแนวแผลที่เตรียมไว้อย่างแม่นยำ
7. ล้างแผลหลังปลูกผม : ใช้น้ำเกลือทำความสะอาดแผล แล้วใช้ผ้าปิดแผลปิดลงบนบริเวณที่เก็บกราฟต์ผม
8. การพักฟื้น : รอยแดงและสะเก็ดแผลจากการปลูกผมจะค่อย ๆ จางลงภายในประมาณหนึ่งสัปดาห์

สิ่งที่คุณจะได้รับจากการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI Micrograft

ระยะเวลาการทำหัตถการ

โดยทั่วไป การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI ใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะ จำนวนกราฟต์ที่ต้องใช้ และความซับซ้อนของแต่ละกรณี เพื่อเพิ่มโอกาสการอยู่รอดของกราฟต์ เราจึงดำเนินการตามหลัก “กราฟต์แรกที่เก็บได้ จะได้รับการปลูกถ่ายก่อน” เพื่อให้มั่นใจว่ากราฟต์จะอยู่นอกร่างกายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด

ความหนาแน่นของการปลูกผม

ที่ Bangkok Hair Clinic เรามักจะปลูกถ่ายกราฟต์ด้วยความหนาแน่น 40 ถึง 50 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตร ในบริเวณที่หนังศีรษะล้านสนิท สำหรับบริเวณที่มีผมบางอยู่แล้ว ความหนาแน่นอาจถูกปรับลดลงเป็น 20 ถึง 30 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตร เพื่อป้องกันความเสียหายต่อรูขุมขนเดิมและเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งศัลยแพทย์จะพิจารณากำหนดความหนาแน่นที่เหมาะสมสำหรับแต่ละพื้นที่ โดยอ้างอิงจากสภาพหนังศีรษะ ระดับของผมร่วง และเป้าหมายการรักษาของคุณ

ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

เทคนิค DHI มีการใช้อย่างต่อเนื่องมานานกว่า 30 ปี และเป็นที่นิยมมากกว่าวิธีปลูกผม FUT เนื่องจากมีรอยแผลขนาดเล็กและใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องมือปลูกผมเฉพาะทาง จะช่วยลดการสัมผัสกราฟต์โดยตรง และลดโอกาสเกิดแรงกระทบ ทำให้รากผมมีอัตราการรอดและเติบโตได้ดีขึ้น โดยคลินิกของเราดำเนินการตามแนวทางที่แนะนำโดยสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (ISHRS) อีกทั้งแพทย์ยังเข้าร่วมการอบรมและติดตามองค์ความรู้ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

การใช้ยาระงับความรู้สึกและเพิ่มความสบาย

เราฉีดยาชาเฉพาะที่ด้วยเทคนิคการฉีดที่ประณีต อีกทั้งยังมีการใช้การสั่นสะเทือนทางกลไก ซึ่งเป็นวิธีเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ป่วย รวมถึงการให้ยาคลายกังวลแบบอ่อนตามความเหมาะสม เพื่อให้การปลูกผมดำเนินไปอย่างราบรื่น ทั้งในระหว่างและหลังการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI

ลักษณะภายหลังทำหัตถการทันที

หลังการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI ที่คลินิกในกรุงเทพฯ ของเรา ผู้เข้ารับบริการอาจมีอาการแดงเล็กน้อย มีสะเก็ดบางจุด และบวมเล็กน้อยในบริเวณที่เก็บและปลูกรากผม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฟื้นตัว และอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 7-10 วัน โดยคลินิกมีคำแนะนำการดูแลหลังทำอย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์ดูสวยงามและฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตารางการติดตามผล

เรามีตารางการติดตามผลที่ชัดเจน ทั้งการมาตรวจด้วยตนเองที่คลินิก หรือผ่านการปรึกษาทางไกล ในช่วง 2 สัปดาห์, 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือน, 9 เดือน และ 12 เดือน เพื่อติดตามความคืบหน้าและให้คำแนะนำด้านการรักษาเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เช่น การฉีด PRP (Platelet-Rich Plasma) เพื่อช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง

ข้อดีสำคัญของการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI

• กระบวนการสั้น ฟื้นตัวรวดเร็ว : ใช้เวลาในการปลูกผมน้อยลง และโดยทั่วไป ผู้เข้ารับบริการสามารถฟื้นตัวได้ภายใน 1-3 วัน
• เจ็บน้อย รอยแผลเล็ก : รู้สึกสบายกว่าการปลูกผมด้วยวิธี FUT อีกทั้งรอยแผลยังมีขนาดเล็กเพียง 0.6-0.8 มิลลิเมตร จึงไม่ทิ้งรอยแผลเป็นแบบเส้นยาวให้เห็นชัดเจน
• อัตราการรอดของกราฟต์ผมสูงขึ้น : เทคนิคการใช้ปากกาปลูกผมจะช่วยลดแรงกระทบต่อกราฟต์ผม ทำให้โอกาสที่รากผมจะงอกใหม่มีแนวโน้มสูงขึ้น
• แนวผมดูเป็นธรรมชาติ : การปลูกถ่ายกราฟต์ผมโดยตรงช่วยให้สามารถควบคุมความลึก มุม และทิศทางได้อย่างแม่นยำ ทำให้รากผมที่ปลูกใหม่กลมกลืนกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติและสม่ำเสมอ
• การดูแลหลังทำสะดวกขึ้น : การโกนผมบริเวณที่นำกราฟต์ออกมา ทำให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ 
• จัดทรงผมได้หลากหลาย : ไม่ทำให้เกิดแผลเป็นแนวยาว ทำให้คุณมีอิสระในการเลือกทรงผมได้มากขึ้นในอนาคต
• ได้รับการยอมรับในระดับโลก : เทคนิคนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลาย และได้รับการยอมรับจากแพทย์ผู้ให้บริการปลูกผมในหลายประเทศ

การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI เหมาะกับคุณหรือไม่ ?

ก่อนตัดสินใจปลูกผมด้วยเทคนิค DHI มีปัจจัยหลายประการที่ควรพิจารณาว่าเทคนิคนี้เหมาะกับคุณหรือไม่ ได้แก่

• อายุและปัญหาผมร่วง : แพทย์จะประเมินว่าปัญหาผมร่วงของคุณมีแนวโน้มคงที่แล้วหรือไม่ ในกรณีที่ผมร่วงรุนแรงตั้งแต่อายุยังน้อย อาจต้องเริ่มจากการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ก่อน
• ประวัติด้านสุขภาพ : ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางประเภท เช่น โรคเรื้อรัง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือมีภาวะหนังศีรษะผิดปกติ อาจต้องเลื่อนการปลูกผมออกไปก่อน
• งบประมาณ : การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI มีราคาสูงกว่าวิธี FUE เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทางและขั้นตอนที่ละเอียดมากขึ้น

แต่คุณจะเหมาะกับการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI มากเป็นพิเศษ หากมีคุณสมบัติเหล่านี้

• ต้องการไว้ผมสั้นและไม่ต้องการมีรอยแผลเป็นแนวยาว
• มีปัญหาผมร่วงเป็นจุด เช่น บริเวณกรอบหน้า ขมับ หรือกลางศีรษะ
• ต้องการระยะเวลาพักฟื้นสั้นและฟื้นตัวได้เร็ว
• ได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่า มีความหนาแน่นของรากผมบริเวณท้ายทอยเพียงพอ

เหตุผลที่ควรปลูกผม DHI ที่ Bangkok Hair Clinic

เทคนิค Micrograft

เราใช้ใบมีด Sapphire และปากกานำปลูก Lion Implanter จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อให้การฝังกราฟต์แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

ใช้หลักการ “เก็บก่อน ปลูกก่อน”

แนวทางนี้ช่วยลดระยะเวลาที่กราฟต์ผมอยู่นอกร่างกาย ทำให้รากผมยังคงมีชีวิตและมีแนวโน้มเจริญเติบโตได้ดี

เพิ่มโอกาสรอดของรากผม

เรารักษาอุณหภูมิระหว่างกระบวนการไว้ที่ 2-4 องศาเซลเซียส พร้อมทั้งใช้สารละลายเฉพาะสำหรับเก็บกราฟต์ และดำเนินการโดยทีมผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดระยะเวลาที่กราฟต์ผมอยู่นอกร่างกาย

การออกแบบแนวผมเฉพาะบุคคล

แพทย์จะออกแบบแนวผมให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยใช้รูปแบบแนวผมที่ไม่เป็นเส้นตรง (Zig-Zag) เพื่อเลียนแบบลักษณะของเส้นผมธรรมชาติที่ไม่ได้เรียงตัวเป็นแนวสม่ำเสมอ

มาตรฐานด้านความปลอดภัย

เราดำเนินงานตามแนวทางขององค์กรระดับนานาชาติ ซึ่งช่วยลดอัตราการหลุดร่วงของเส้นผมหลังปลูก (Shock Loss) ให้น้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป โดยอยู่ที่ประมาณ 2.5% จากมาตรฐานเฉลี่ย 5%

การคัดกรองผู้เข้ารับบริการอย่างละเอียด

เราประเมินปัญหาผมของผู้เข้ารับบริการทุกคนอย่างละเอียด และให้บริการเฉพาะผู้ที่เหมาะสมกับการปลูกผมเท่านั้น ส่งผลให้มีอัตราความพึงพอใจของกลุ่มผู้รับบริการอยู่ในระดับสูง

การดูแลหลังปลูกผมอย่างต่อเนื่อง 

เรามีบริการติดตามผลหลังการปลูกผมตามมาตรฐาน และหากจำเป็น จะมีการนัดปรับแต่งแนวผมเพิ่มเติม (Touch-up) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเหมาะสมสำหรับผู้รับบริการแต่ละราย

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนและราคาการปลูกผมด้วยเทคนิค DHI ในกรุงเทพฯ สามารถติดต่อ Bangkok Hair Clinic เพื่อขอคำปรึกษาได้ที่ช่องทางเหล่านี้

LINE: @bangkokhairclinic (มี @ ด้วย)

โทรศัพท์: 02-118-7386, 064-196-3539

Email: bangkokhairclinic@gmail.com 

คำถามที่พบบ่อย

1. การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI เจ็บไหม ?

ระหว่างขั้นตอนเก็บและปลูกรากผม แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความรู้สึกไม่สบายขณะทำ และหลังจากเข้ารับการปลูกผมเรียบร้อย แพทย์จะจ่ายยาแก้ปวดให้ตามความเหมาะสม

2. รากผมที่ปลูกใหม่จะหลุดร่วงหรือไม่ ?

การที่รากผมหลุดร่วงในช่วงแรกถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากรากผมยังคงอยู่ใต้ผิวหนัง และจะเริ่มงอกเส้นผมใหม่ในเวลาต่อมา

3. ผู้หญิงสามารถปลูกผมด้วยเทคนิค DHI Micrograft ได้หรือไม่ ?

ได้ สำหรับผู้หญิงมักมีการไว้ผมบริเวณท้ายทอยให้ยาวอยู่แล้ว โดยจะมีการโกนเพียงแถบเล็ก ๆ บริเวณที่ซ่อนอยู่ใต้ชั้นผมเพื่อความเรียบร้อย

4. หากผมยังร่วงเพิ่มจะทำอย่างไร ?

สามารถรักษาเพิ่มเติมได้ด้วยยาเฉพาะทาง การฉีด PRP การกระตุ้นด้วยแสงเลเซอร์ หรือการบำบัดอื่น ๆ ตามการประเมินของแพทย์

5. การปลูกผมด้วยเทคนิค DHI ราคาเท่าไร ?

ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ที่ใช้ ความหนาแน่นที่ต้องการ และขนาดของบริเวณที่ปลูก รวมถึงคุณภาพของกราฟต์ผม ความซับซ้อนของแต่ละกรณี และการรักษาเสริมอื่น ๆ ที่อาจมีร่วมด้วย