ป้องกันผมร่วงจากคีโม แชร์วิธีดูแลผมและหนังศีรษะอย่างอ่อนโยน
ตอบทุกเรื่องเกี่ยวกับอาการผมร่วงหลังทำคีโม ทั้งสาเหตุ ระยะเวลาผมขึ้นใหม่หลังจบคีโม รวมถึงแนวทางการฟื้นฟู เพื่อเส้นผมหนาและแข็งแรงอย่างยั่งยืน
ตอบทุกเรื่องเกี่ยวกับอาการผมร่วงหลังทำคีโม ทั้งสาเหตุ ระยะเวลาผมขึ้นใหม่หลังจบคีโม รวมถึงแนวทางการฟื้นฟู เพื่อเส้นผมหนาและแข็งแรงอย่างยั่งยืน
ผมร่วงเป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่ผู้ป่วยหลายคนกังวลมากที่สุดหลังการทำเคมีบำบัด หรือที่เรียกกันว่าการทำคีโม ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ทรงผมเสียรูปและขาดความมั่นใจ แต่ยังสะท้อนถึงสุขภาพของรากผมและหนังศีรษะที่อาจอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับหลายคนอาจสงสัยว่า “หลังทำคีโม ผมสามารถงอกใหม่ได้หรือไม่ ?” และหากต้องการฟื้นฟูให้กลับมาหนานุ่มเต็มศีรษะจะสามารถทำได้ด้วยวิธีใดบ้าง บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจครบทุกเรื่องเกี่ยวกับผมร่วงหลังเคมีบำบัด พร้อมคำแนะนำการป้องกันและฟื้นฟูเส้นผม เพื่อเรียกคืนผมที่สวยงามและแข็งแรงให้กลับคืนมา
ผมร่วงจากการทำเคมีบำบัดเกิดจากสารเคมีในยาที่ใช้ทำลายเซลล์มะเร็ง แต่ก็ส่งผลต่อเซลล์รากผม ทำให้ผมหลุดร่วงทั่วศีรษะ ลักษณะผมร่วงอาจเริ่มตั้งแต่ 1 – 3 สัปดาห์หลังเริ่มคอร์สคีโมและร่วงต่อเนื่องจนสิ้นสุดการรักษา ซึ่งสาเหตุหลักของผมร่วงหลังทำคีโม ได้แก่
ยาเคมีบำบัดที่ใช้ในการรักษาถูกออกแบบมาเพื่อทำลายเซลล์ที่มีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว เช่น เซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์รากผม ซึ่งแม้จะเป็นเซลล์ปกติในร่างกาย แต่ก็ถือเป็นเซลล์ที่มีการแบ่งตัวเร็วมากเพราะต้องเร่งเส้นผมให้ยาวขึ้น ก็ได้รับผลกระทบจากยานี้ด้วย เมื่อเซลล์รากผมถูกทำลาย หรือได้รับความเสียหายชั่วคราว จะทำให้เส้นผมหยุดการเจริญเติบโตและหลุดร่วงอย่างรวดเร็ว โดยลักษณะผมร่วงอาจเริ่มตั้งแต่ 1 – 3 สัปดาห์หลังเริ่มคอร์สคีโมและร่วงต่อเนื่องจนสิ้นสุดการรักษา นอกจากเส้นผมบนศีรษะแล้ว ยาคีโมยังอาจทำให้ขนบริเวณอื่น เช่น ขนตา ขนคิ้ว รวมถึงขนตามร่างกายหลุดร่วงได้เช่นกัน
นอกจากผลกระทบโดยตรงจากยาเคมีบำบัดแล้ว ฮอร์โมนและความเครียดก็มีส่วนทำให้ผมร่วงต่อเนื่องได้เช่นกัน เมื่อร่างกายต้องเผชิญกับความเครียดทางร่างกายอย่างรุนแรงจากภาวะการเจ็บป่วย การรักษา หรือภาวะฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปหลังทำคีโม ก็จะส่งผลให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะตื่นตัวสูง ซึ่งอาจไปกระตุ้นวงจรชีวิตของเส้นผมให้ผิดปกติ จนเกิดภาวะผมร่วงชนิดที่เรียกว่า Telogen Effluvium หรือภาวะผมร่วงฉับพลัน ร่วมด้วยได้
ผู้ที่มีรากผมอ่อนแอ มีปัญหาผมบาง หรือมีประวัติทางพันธุกรรมของผมร่วงอยู่แล้วก่อนเข้ารับการรักษา อาจพบว่าผมร่วงมากกว่าปกติ หรือผมที่ขึ้นใหม่มีความหนาแน่นน้อยกว่าที่ควร
ผมร่วงหลังทำคีโมเป็นเรื่องปกติและส่วนใหญ่สามารถงอกใหม่ได้หลังจากสิ้นสุดการรักษา แต่ระยะเวลาและความหนาของผมอาจแตกต่างกันตามแต่ละบุคคล
แม้ว่าผมร่วงจากคีโมจะเป็นผลข้างเคียงที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่สามารถลดความรุนแรงของอาการลงและช่วยดูแลหนังศีรษะให้พร้อมสำหรับการงอกใหม่ของเส้นผมได้ด้วยวิธีดังนี้
เป็นเทคนิคที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยการสวมหมวกที่ทำให้หนังศีรษะเย็นจัดในช่วงก่อน ระหว่างและหลังการให้คีโม มีจุดประสงค์เพื่อทำให้หลอดเลือดที่หนังศีรษะหดตัว ลดการไหลเวียนเลือดไปที่เซลล์รากผม ซึ่งช่วยให้รากผมเสียหายน้อยลงและลดโอกาสผมร่วงได้ แต่ประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับชนิดของยาคีโม
ควรดูแลเส้นผมด้วยความระมัดระวังตลอดช่วงการรักษา โดยเลือกใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน เช่น แชมพูสำหรับเด็ก หรือผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH เป็นกลาง และปราศจากสารเคมีรุนแรง รวมถึงน้ำหอม หรือสารกันเสียที่อาจระคายเคืองต่อหนังศีรษะ สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำร้ายเส้นผม เช่น การดัด ย้อม ฟอกสีผม หรือการใช้ความร้อนจัดจากไดร์เป่าผม รวมถึงการหวีหรือแปรงผมอย่างเบามือที่สุด เพื่อป้องกันการดึงรั้งรากผมที่อ่อนแอ
ในระหว่างที่ผมร่วงและช่วงฟื้นตัว ควรบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยสามารถใช้เซรั่ม หรือโทนิค ที่มีส่วนผสมของสารบำรุงที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและเพิ่มความแข็งแรงของรากผม เช่น สารสกัดธรรมชาติ หรือวิตามิน เพื่อเตรียมรากผมที่ยังเหลืออยู่ หรือกำลังจะฟื้นตัวให้เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเส้นผมชุดใหม่หลังจบคอร์สการรักษา
โดยปกติผมจะเริ่มงอกใหม่ภายใน 2 – 3 เดือนหลังจบคอร์สคีโม แต่ยังเป็นผมอ่อนบางและละเอียด หลังจาก 6 – 9 เดือน ผมจะเริ่มหนาและกลับมาดูเป็นธรรมชาติเต็มที่ใกล้เคียงกับผมเดิมก่อนการรักษา แต่ในบางรายก็อาจพบว่าผมที่ขึ้นใหม่มีความหนาแน่นน้อยกว่าเดิม หรือมีลักษณะที่แตกต่างไปอย่างถาวร ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

นอกเหนือจากการปล่อยให้เส้นผมงอกขึ้นตามธรรมชาติแล้ว ยังมีอีกหลายแนวทางที่ช่วยฟื้นฟูเส้นผมชุดใหม่ให้ดูหนาและแข็งแรงได้อีกครั้ง ดังนี้
ในช่วงที่เส้นผมกำลังเริ่มงอกใหม่ หนังศีรษะอาจยังคงมีความบอบบางเป็นพิเศษ จึงควรเลือกใช้แชมพู ครีมนวด หรือเซรั่มบำรุงสูตรอ่อนโยนที่ปราศจากสารเคมีรุนแรง ซัลเฟต พาราเบน โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงรากผมโดยเฉพาะ
การใช้ธรรมชาติบำบัดควบคู่ไปกับการนวดหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของรากผมได้ดี โดยสามารถใช้น้ำมันบำรุงที่มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างเส้นผม เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันโรสแมรี่ ซึ่งมีงานวิจัยบางส่วนบ่งชี้ว่าช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี
การฟื้นฟูเส้นผมต้องเริ่มจากภายในสู่ภายนอก จึงควรให้ความสำคัญกับการทานอาหารที่ครบถ้วน โดยเฉพาะการเพิ่มปริมาณโปรตีน ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเส้นผม ควบคู่ไปกับการเสริมด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ เช่น วิตามิน A, C, D, E โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไบโอติน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์รากผม
ความเครียดเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภาวะผมร่วงได้ง่าย การดูแลสุขภาพจิตจึงสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย ควรหาเวลานอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองและฝึกเทคนิคการจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิ พักผ่อนให้เพียงพอหรือการทำงานอดิเรกที่ผ่อนคลาย เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อฮอร์โมน
สำหรับผู้ที่ผ่านการรักษาคีโมมานานแล้ว แต่ยังคงประสบปัญหาผมบางในบางบริเวณอย่างถาวร หรือผมที่ขึ้นใหม่มีความหนาแน่นไม่เพียงพอ การศัลยกรรมปลูกผมถือเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพ โดยแพทย์จะประเมินความพร้อมของร่างกายและหนังศีรษะ จากนั้นจะใช้เทคนิคการปลูกผม เช่น FUE (Follicular Unit Extraction) หรือ DHI (Direct Hair Implantation) เพื่อย้ายรากผมถาวรที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังศีรษะไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ เพื่อช่วยคืนความมั่นใจได้อย่างยั่งยืน
สามารถปรึกษาแพทย์ด้านศัลยกรรมปลูกผมได้ที่ Bangkok Hair Clinic ที่พร้อมช่วยวางแผนการรักษาอย่างมืออาชีพ ด้วยเทคนิคการปลูกผม DHI เพื่อให้ผมที่ขึ้นใหม่เสริมความมั่นใจในการใช้ชีวิต สอบถามรายละเอียด หรือนัดปรึกษาฟรีผ่านช่องทาง LINE: @bangkokhairclinic หรือโทร 02-118-7386, 064-196-3539
ข้อมูลอ้างอิง