fb pixel
Line facebook instagram linkedin

วันอังคาร - อาทิตย์ 10:00 - 19:00
ติดต่อ 064 196 3539

ไขคำตอบ การดัดผมมีกี่แบบ และแบบไหนช่วยลดผมเสียได้จริง ?

ดัดผมมีกี่แบบ ? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสียของการดัดผมแบบเย็นและการดัดผมแบบดิจิทัล พร้อมคำแนะนำเลือกวิธีดัดผมที่เหมาะกับสภาพเส้นผม และการดูแลให้อยู่ทรงนาน

การดัดผม ถือเป็นหนึ่งในเทคนิคยอดนิยมที่ช่วยปรับลุคให้ดูมีมิติและจัดทรงง่ายขึ้น แต่หลายคนก็มักกังวลว่าการดัดผมจะทำให้เส้นผมแห้งเสีย แตกปลาย หรือสูญเสียความเงางามตามธรรมชาติไป จริงอยู่ที่ว่าการดัดผมทุกครั้งย่อมสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อโครงสร้างเส้นผม แต่หากเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผมร่วมกับการดูแลอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยลดความเสียหายลงได้มาก

มาดูกันว่าวิธีดัดผมมีกี่แบบ แต่ละแบบต่างกันอย่างไร เหมาะกับใคร และวิธีใดที่จะทำให้ผมเสียน้อยที่สุด

การดัดผมมีกี่แบบ ?

โดยทั่วไป การดัดผมแบ่งออกเป็น 2 วิธีที่ได้รับความนิยม ได้แก่

1. การดัดผมแบบเย็น (Cold Perm)

การดัดผมแบบเย็นเป็นวิธีที่ไม่ใช้ความร้อน แต่จะอาศัยสารละลายดัดผมร่วมกับการใช้แกนดัด โดยคงอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 17–45 องศาเซลเซียส วิธีนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานเมื่อเทียบกับการดัดผมแบบดิจิทัล แต่ข้อดีคือช่วยลดความเสียหายจากความร้อนได้มาก เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องผมแห้งเสียหรือแตกปลาย

2. ดัดผมแบบดิจิทัล (Digital Perm)

การดัดผมแบบดิจิทัลจะใช้แกนดัดไฟฟ้าร่วมกับเครื่องควบคุมอุณหภูมิที่มีความแม่นยำ ทำให้ผมมีลอนที่ชัดและอยู่ทนนาน แม้จะใช้ความร้อน แต่ด้วยระบบควบคุมที่เสถียรและการปรับอุณหภูมิอย่างเหมาะสม จึงช่วยลดความเสี่ยงจากความร้อนที่สูงเกินไปได้

ดัดผมแบบไหนเหมาะสำหรับแต่ละคน ?

ในการเลือกวิธีดัดผม ไม่ควรพิจารณาเพียงกระแสแฟชั่นที่มาแรงในแต่ละช่วง แนะนำให้คำนึงถึงความเหมาะสมกับโครงสร้างเส้นผมและไลฟ์สไตล์ของตนเองด้วย ดังนี้

เลือกตามรูปหน้า

  • หน้ากลม : เหมาะกับลอนหลวมแบบเวฟเพื่อช่วยให้หน้าดูเรียวยาวขึ้น
  • หน้ายาว : ควรเลือกดัดลอนกลางถึงปลายเพื่อลดความยาวของใบหน้า
  • หน้าเหลี่ยม : เหมาะกับลอนหลวม ๆ ที่ช่วยลดเหลี่ยมมุมของกราม
  • รูปหัวใจ : การดัดลอนใหญ่ช่วงปลายจะช่วยบาลานซ์หน้าผากที่ดูกว้างได้ดี

เลือกตามสภาพเส้นผม

  • เส้นเล็กและผมบาง : เหมาะกับการดัดผมแบบดิจิทัล เพื่อให้ลอนคงตัวและผมดูหนามีวอลลุ่ม
  • เส้นใหญ่และผมหนา : เหมาะกับการดัดผมแบบเย็น เพราะโครงสร้างผมแข็งแรง ลอนจะอยู่ทนนาน

เลือกตามไลฟ์สไตล์

  • ผู้ที่ต้องการจัดทรงง่าย ประหยัดเวลา : ดัดดิจิทัลตอบโจทย์กว่า
  • ผู้ที่ชอบลอนธรรมชาติ : ดัดเย็นเหมาะสมกว่า

ดัดผมแบบไหนที่ทำให้ผมเสียมากที่สุด ?

การดัดผมไม่ว่าจะเป็นแบบใด ล้วนก่อให้เกิดความเสียหายต่อเส้นผมในระดับหนึ่ง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับทั้งสารเคมีและกระบวนการเปลี่ยนโครงสร้างเส้นผม หากทำไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้เส้นผมเสียอย่างรุนแรงได้ เช่น

  • ดัดบ่อยเกินไป โดยเฉลี่ยแล้วควรเว้นอย่างน้อย 6 เดือน หรือขึ้นอยู่กับสุขภาพเส้นผม
  • ใช้น้ำยาดัดที่มีสารเคมีรุนแรงหรือไม่ได้มาตรฐาน
  • ดัดพร้อมกับการทำสีหรือฟอกผมในช่วงเวลาเดียวกัน
  • ดัดโดยไม่บำรุงผมควบคู่ ทำให้เส้นผมแห้งกรอบและแตกปลายได้ง่าย

แนวทางดูแลเพื่อลดความเสียหายจากการดัดผม

เลือกช่างผมที่มีประสบการณ์

การดัดผมควรทำโดยช่างผมที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เพื่อให้สามารถประเมินสภาพผมและเลือกวิธีการดัดที่เหมาะสมได้

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ

น้ำยาดัดผมและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานมีส่วนสำคัญในการลดความเสียหาย หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ราคาถูกหรือไม่ได้คุณภาพ เส้นผมอาจอ่อนแอและแตกหักได้ง่าย

ดูแลผมหลังการดัดอย่างต่อเนื่อง

หลังการดัดผม ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่เหมาะสม เช่น ครีมบำรุงผม มาส์กผม หรือเซรั่ม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและซ่อมแซมผมที่เสียหายจากการดัดผม

หลีกเลี่ยงการดัดผมบ่อยเกินไป

การดัดผมบ่อยเกินไปอาจทำให้ผมเสียหายได้ ควรเว้นระยะเวลาระหว่างการดัดผมแต่ละครั้ง ไม่ควรทำถี่จนเกินไป

หลีกเลี่ยงความร้อนและสารเคมีอื่น ๆ

หลังการดัดผม ควรหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนสูงจากไดร์เป่าผมหรือเครื่องหนีบผม และหลีกเลี่ยงการทำสีผมหรือใช้สารเคมีอื่น ๆ ทันทีหลังการดัดผม

ดัดผมให้อยู่ทรงสวย ลดผมเสีย พร้อมเสริมความมั่นใจอย่างยั่งยืน

การดัดผมไม่ว่าจะเป็นดัดผมแบบเย็น หรือดัดผมแบบดิจิทัลต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน หากต้องการลดความเสียหายควรเลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพเส้นผมและรูปหน้า พร้อมกับการดูแลอย่างถูกต้องหลังการดัด ที่สำคัญ ควรเว้นระยะห่างระหว่างการดัดแต่ละครั้งตามความเหมาะสม เพื่อให้เส้นผมฟื้นฟูและคงความแข็งแรง

แต่หากมีปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือแนวผมถอยร่น จนทำให้ไม่มั่นใจและกังวลว่าการดัดผมจะทำให้ผมดูบางลงกว่าเดิม วิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุดและยั่งยืนคือการฟื้นฟูรากผมด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งปัจจุบันมีเทคนิคที่ทันสมัยและปลอดภัย เช่น DHI Micrograft ที่ช่วยให้ได้แนวผมใหม่ดูแน่น เรียงตัวเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องกังวลกับการปลูกแก้ซ้ำ

ที่ Bangkok Hair Clinic ศูนย์ศัลยกรรมปลูกผมถาวรย่านทองหล่อ ให้บริการโดยทีมแพทย์ผู้ได้รับการรับรองระดับนานาชาติ นำทีมโดย นพ. เจตน์ เจตชยานนท์ และ นพ. จิรายุ เจตชยานนท์ ช่วยออกแบบแนวผมให้เหมาะกับโครงหน้าและความต้องการของแต่ละบุคคล พร้อมดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่การปรึกษา ดูแลฟื้นฟู ไปจนถึงการติดตามผลหลังการรักษา จึงมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณอย่างแท้จริง จองคิวปรึกษาแพทย์ฟรีได้เลยวันนี้ โทร. 02-118-7386 หรือ 064-196-3539

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: วิธีดัดผมแบบไหนที่ไม่ทำให้ผมเสีย ?

A: ไม่มีวิธีที่ไม่ทำให้ผมเสีย แต่การดัดผมแบบเย็นถือว่าทำให้ผมเสียน้อยกว่าดิจิทัล หากต้องการลดความเสียหาย ควรบำรุงและเลือกช่างที่มีประสบการณ์

Q: วิธีดัดผมแบบไหนติดทนนานที่สุด ?

A: โดยทั่วไป การดัดผมแบบดิจิทัลจะอยู่ทรงนานกว่า เนื่องจากความร้อนช่วยล็อกโครงสร้างลอน

Q: ผมบางดัดผมแบบไหนดี ?

A: สำหรับผู้ที่มีผมบาง ควรเลือกวิธีดัดผมแบบดิจิทัล เพราะช่วยให้ลอนชัดเจนและทำให้ผมดูมีวอลลุ่มมากขึ้น แต่ต้องทำโดยช่างที่มีประสบการณ์และใช้น้ำยาที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เส้นผมบางลงกว่าเดิม

Q: วิธีดัดผมแบบไหนเหมาะกับผมสั้น ?

A: ผมสั้นเหมาะกับการดัดเย็น เนื่องจากให้ลอนอ่อนโยน ไม่แข็งทื่อจนเกินไป

Q: วิธีดัดผมแบบไหนเหมาะสำหรับผู้ชาย ?

A: ผู้ชายมักนิยมดัดผมแบบเย็นเพื่อให้ลอนดูเป็นธรรมชาติและง่ายต่อการจัดทรงในชีวิตประจำวัน

Q: หลังดัดผม ควรเว้นกี่วันถึงจะสระผมได้ ?

A: ควรเว้นอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อให้โครงสร้างลอนคงตัวเต็มที่

Q: ดัดผมกี่เดือนถึงดัดใหม่ได้ ?

A: โดยทั่วไปควรเว้นระยะอย่างน้อย 6 เดือนก่อนดัดใหม่ เพื่อให้เส้นผมฟื้นฟูความแข็งแรง หากผมมีสุขภาพอ่อนแอจากการทำสีหรือสารเคมี ควรรอให้นานขึ้นและเน้นการบำรุงก่อนดัดครั้งต่อไป




ปรึกษาแพทย์ฟรี วันนี้

    lineline messagemessage callcall