ยาปลูกผม ทำให้เซ็กส์เสื่อม จริงหรือไม่?

ความรุนแรงของปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ของแต่ละคนนั้นก็มีมากน้อยแตกต่างกันออกไป การแก้ปัญหาก็หลายวิธี แล้วแต่ว่าวิธีไหนที่เหมาะสมที่สุดกับผู้ป่วย ยกตัวอย่างเช่นหากมีอาการที่ไม่รุนแรงมากอาจเริ่มจากใช้แชมพูสูตรบำรุงเส้นผม หรือทานยาตามที่แพทย์สั่ง สุดท้ายก็คือการปลูกผมถาวร สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องยารักษาผมร่วงกับปัญหาคาใจของใครหลายคน ที่ผมมักต้องตอบคนไข้หลายคนที่กังวลใจว่า ยาปลูกผม ทำให้เซ็กส์เสื่อม จริงหรือไม่ ใครสงสัยเหมือนกันตามมาเลยครับ

            สำหรับยาลดผมร่วงตัวที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ก็คือยา Finasteride ที่น่าจะมีหลายคนไปค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตแล้วพบว่ายานี้มีส่วนทำให้เซ็กส์เสื่อม ซึ่งก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ของยา Finasteride กันก่อนครับ โดยยาตัวนี้จะทำหน้าที่ในการยับยั้งเอนไซม์ที่มีหน้าที่แปลงฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่าTestosterone (เทสโทสเทอโรน) ไปเป็นฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone)  ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยพูดกันไปบ้างแล้วว่าเจ้าฮอร์โมน DHT นี่ล่ะที่เป็นผู้ร้ายทำให้เกิดอาการผมร่วงในผู้ชาย

            คำถามต่อมาคือแล้วยา Finasteride เกี่ยวกับอาการเซ็กส์เสื่อมอย่างไร อธิบายแบบนี้ครับว่าฮอร์โมน DHT นั้นไม่ใช่เพียงแค่ทำให้ผมร่วงในเพศชายเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการพัฒนาลักษณะทางเพศอีกด้วย กล่าวคือเมื่อฮอร์โมน DHT ลดลงอาจส่งผลกระทบต่อต่อมลูกหมากในเพศชาย ทำให้เกิดอาการผิดปกติในเรื่องเพศเกิดขึ้นได้ในบางกรณี โดยอาการหลักๆ ที่พบนั้นมักจะมีอยู่ 3 แบบด้วยกันคือ

            -ความสนใจทางเพศลดลง กล่าวคือ ไม่รู้สึกว่ามีความกระตือรือร้นในเรื่องทางเพศ แม้จะมีการกระตุ้นหรือมีสิ่งเร้าก็ตาม

            -อวัยวะเพศแข็งตัวไม่เต็มที่หรือไม่แข็งตัว แต่ยังมีความต้องการทางเพศตามปกติ ทำให้เกิดความกังวลใจ

            -ไม่มีความสุขสุดยอดทางเพศ คือยังคงมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติแต่ไม่รู้สึกถึงจุด Orgasm ซึ่งหากจะเปรียบง่ายๆ ก็คือ กินอาหารแล้วไม่รับรู้ถึงรสชาติของอาหารนั้น

            หากถามว่ายาปลูกผม ทำให้เซ็กส์เสื่อมมากน้อยแค่ไหนในแต่ละเคสก็ต้องบอกว่าไม่สามารถระบุได้ชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับสุขภาพและการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยแต่ละรายด้วย โดยปกติแล้วปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจากการใช้ยาปลูกผมหรือยาลดผมร่วงแล้วมีผลข้างเคียงนั้นมีเพียง 1-2% ของผู้ที่ใช้ยาเท่านั้น ซึ่งหากเกิดขึ้นก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการลดปริมาณการใช้ยาลง หรือเมื่อหยุดใช้ยาอาการข้างเคียงก็จะค่อยๆ หายไปเองในเวลา 1-2 เดือน ทั้งนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักอยู่ในการดูแลและติดตามผลของแพทย์อยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลใจมากจนเกินไป ที่สำคัญคือไม่แนะนำให้ไปหาซื้อยามาทานเอง ปัญหาผมปรึกษาหมอผมจะเป็นการดีที่สุดครับ

มีปัญหาเส้นผม ปรึกษาแพทย์ฟรีที่ Bangkok Hair Clinic 

E-mail: bangkokhairclinic@gmail.com หรือติดต่อเราช่องทางอื่น ๆ