ปลูกผมแบบไม่ต้องโกนแพงกว่าวิธีอื่นไหม คิดค่ารักษาอย่างไร?

หลายคนเชื่อว่า การปลูกผมถาวรที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลลัพธ์ที่ดี จำเป็นจะต้องโกนผมและผ่าตัดนำหนังศีรษะออกมาเพื่อปลูกผมใหม่ แต่ในปัจจุบันนี้ นวัตกรรมการปลูกผมได้มีการพัฒนาไปไกลจนสามารถปลูกผมแบบไม่ต้องโกนหัวเหมือนอย่างเคยได้แล้ว

อย่างไรก็ดี แม้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความกลัวในการปลูกผมถาวรลงไปได้ แต่เนื่องจากการปลูกผมแบบไม่ต้องโกนผมเป็นวิธีที่แตกต่างจากการปลูกผมแบบดั้งเดิม จนใครหลายคนอาจสงสัยอยู่ไม่น้อยว่า การปลูกผมด้วยวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าวิธีอื่น ๆ หรือไม่ และควรประเมินค่ารักษาอย่างไรถึงจะเหมาะสมที่สุด

หากใครกำลังสงสัยเช่นเดียวกันนี้อยู่ ลองมาทำความรู้จักกับ 5 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการปลูกผมถาวรที่นำมาฝากกัน เพื่อช่วยทำให้เข้าใจเงื่อนไขและค่าใช้จ่ายในการรักษาให้มากขึ้น

1. ความรุนแรงของอาการผมบาง ผมร่วง และศีรษะล้าน

โดยทั่วไปแล้ว เส้นผมของคนเรามักจะร่วงเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 50 – 120 เส้น อย่างไรก็ดี หากสังเกตเห็นถึงการหลุดร่วงของเส้นผมที่ผิดปกติ มีการหลุดร่วงเป็นกำมือ หรือที่บริเวณพื้นบ้านมีเส้นผมจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าร่างกายอาจกำลังส่งสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นบริเวณหนังศีรษะ

ตามหลักทางการแพทย์แล้ว ภาวะผมร่วงสามารถเกิดขึ้นได้จาก ‘ปัจจัยภายนอก’ อย่างการทำสีผม การเข้ารับการรักษาโรคมะเร็ง การติดเชื้อราที่หนังศีรษะ ไปจนถึงพฤติกรรมการดึงผมและใช้ความร้อนที่เส้นผมเป็นประจำ นอกจากนี้ ภาวะผมร่วงยังสามารถเกิดขึ้นได้จาก ‘ปัจจัยภายในร่างกาย’ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน พันธุกรรม ความเครียด รวมไปถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติจนทำให้รากผมอักเสบและหลุดร่วง

เมื่อทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะผมร่วงจนเกิดเป็นอาการผมบางและศีรษะล้านตามมาแล้ว แพทย์จะทำการประเมินถึงความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้นเพื่อวางแผนการรักษาต่อไป ซึ่งหากยิ่งมีอาการผมบาง ผมร่วง และศีรษะล้านมากเท่าไหร่ พื้นที่ปลูกผมก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงขึ้น

2. จำนวนกราฟต์ผม

หากมีความรุนแรงของอาการผมบาง ผมร่วง และศีรษะล้านมากเท่าไหร่ จำนวนผมที่ต้องใช้ในการปลูกผมถาวรก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะต้องเจาะกราฟต์ผมจำนวนมากขึ้นเพื่อรองรับพื้นที่ปลูกผมทั้งหมด ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในการเจาะกราฟต์เพิ่มขึ้นตามมา

นอกจากนี้ ในขณะที่เจาะกราฟต์ผม แพทย์จะสามารถเจาะและปลูกผมได้แค่ทีละกราฟต์เท่านั้น ซึ่งหากยิ่งใช้จำนวนกราฟต์ผมมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งใช้เวลาในการรักษานาน ทั้งยังต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์มากขึ้น เนื่องจากการเจาะกราฟต์จำนวนมากในเวลาเดียวกัน อาจเพิ่มความเสี่ยงที่เซลล์ผมอ่อนแอจนทำให้นำปลูกผมต่อไม่ได้ ซึ่งขั้นตอนที่ใช้เวลานานร่วมกับประสบการณ์ของแพทย์อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามมาได้

3. วิธีการปลูกผมถาวรที่ใช้รักษา

การปลูกผมถาวรในปัจจุบันมีด้วยกันหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผมแบบ FUE และ DHI ซึ่งเป็นการปลูกผมแบบไม่ต้องโกนผม ที่ใช้เครื่องมือปลายแหลมในการเจาะกราฟต์เพื่อนำมาปลูกผมต่อ ไปจนถึงวิธีการปลูกผมแบบ FUT ที่จะเป็นการผ่าตัดหนังศีรษะเพื่อนำมาปลูกผมในขั้นตอนต่อไป

วิธีการปลูกผมถาวรที่แตกต่างกันเหล่านี้ จะตอบโจทย์กับความรุนแรงของปัญหาผมร่วงที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งยังมาพร้อมกับราคาการรักษาที่ไม่เท่ากันด้วย โดยหากยิ่งเป็นวิธีการรักษาที่มีความซับซ้อน มีขั้นตอนที่หลากหลาย ราคาค่ารักษาก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นเช่นกัน

4. ข้อจำกัดของร่างกาย

นอกจากความรุนแรงของปัญหาแล้ว ข้อจำกัดในร่างกายของแต่ละคนก็ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการปลูกผมถาวรด้วยเช่นกัน เช่นข้อจำกัดเกี่ยวกับอาการของโรคต่าง ๆ อย่างการเป็นโรคติดต่อทางเลือด โรคผิวหนังรุนแรงบนหนังศีรษะ ไปจนถึงโรคเลือดออกง่าย (Hemophilia) แพทย์อาจประเมินเลือกวิธีการรักษาในแบบเฉพาะทาง ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามมา

ที่สำคัญ สำหรับใครที่ต้องการปลูกผมแบบไม่ต้องโกนผม แต่มีเส้นผมที่บริเวณ Donor Area น้อย หรือ มีอาการผมร่วงรุนแรงมาก อาจมองหาทางเลือกในการรักษาเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมาได้เช่นกัน 

นอกจากนี้ หากใครมีปัญหาศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ ฮอร์โมน หรือ ปัจจัยภายใน อาจจำเป็นต้องใช้การรักษาพิเศษร่วม เช่น การฉีดสเต็มเซลล์ ใช้ PRP หรือ มีการปรับสมดุลฮอร์โมน ตลอดจนมีการใช้ยารักษาผมร่วงร่วมด้วย เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการปลูกผมถาวรต่อไป

5. เครื่องมือพิเศษที่ต้องใช้ในการรักษาเพิ่มเติม

ในหลายเคส การเลือกวิธีปลูกผมถาวรเพียงวิธีเดียวอาจไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดได้ ด้วยเหตุนี้ แพทย์อาจมีการใช้เครื่องมือพิเศษ หรือ ใช้การรักษาหลายวิธีร่วมกัน เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพและเห็นผลลัพธ์การปลูกผมได้ชัดเจนขึ้น

เช่น แพทย์บางคลินิกอาจมีการเลือกใช้น้ำยาปลูกถ่ายอวัยวะในการแช่กราฟต์ผมแทนการใช้น้ำเกลือธรรมดา เนื่องจากน้ำยาปลูกถ่ายอวัยวะ ไม่เพียงแต่จะทำให้เซลล์รากผมได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการทำงานของเซลล์ ส่งผลให้เซลล์อยู่สภาพสมบูรณ์และพร้อมนำไปปลูกผมได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี ถึงจะเพิ่มโอกาสให้การปลูกผมประสบความสำเร็จ แต่การใช้น้ำยาพิเศษนี้ก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจลงความเห็นให้ใช้วิธีการรักษาอื่น ๆ ควบคู่ไปกับการปลูกผม เช่น การทำ PRP (Platelet Rich Plasma) ร่วมกับการปลูกผมแบบไม่ต้องโกนหัวอย่าง DHI หรือ FUE เพื่อให้ PRP กระตุ้นการสร้างรากผม ส่งผลให้เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

เพียงเท่านี้ก็เข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาในการปลูกผมแล้ว จะเห็นได้ว่าการปลูกผมแบบไม่ต้องโกนผม ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผมแบบ FUE หรือ DHI หรือการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไปตามเงื่อนไขการรักษาและข้อจำกัดของร่างกาย แต่ก่อนทำการรักษาทุกครั้ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินข้อจำกัดในร่างกายเพื่อประเมิน วางแผนการรักษา ตลอดจนคำนวณค่ารักษาที่เหมาะสมต่อไป ปรึกษาการปลูกผมถาวรทุกรูปแบบที่เหมาะสมกับความต้องการ พร้อมตอบโจทย์กับงบประมาณและสภาพร่างกายได้ที่ Bangkok Hair Clinic ดูแลโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมโดยเฉพาะ สามารถนัดหมายเพื่อขอคำปรึกษากับคุณหมอโดยตรงได้ที่ Line: @bangkokhairclinic (มี @ ด้วย) หรือโทร 02 118 7386, 064 196 3539 หรือส่งอีเมลมาที่ bangkokhairclinic@gmail.com